8.2.54

ระบบเบรก..หัวใจสำคัญของการขับรถ

        ถ้าพูดถึงการขับรถบนท้องถนนระบบต่างๆจะต้องทำงานอย่างสอดคล้องกันยิ่งถ้าพูดถึงการหยุดรถหรือการเบรกแล้วหละ่ก็ต้องอาศัยระบบเบรกหรือความสมบูรณ์ของอุปกรณ์เข้ามาช่วย เเล้วเราจะทราบถึงวิธีการตรวจสอบเบรก หรือการเลือกใช้งาน การสังเกตอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างไรเพราะว่าระบบของการเบรกรถยนต์นั้นถือว่าเป็นระบบการทำงานที่ต้องมีประสิทธิภาพสูงที่สุดหรือต้องเข้าใกล้ 100% ซึ่งเราๆท่านๆก็คงจะทราบกันเป็นอย่างดีแล้วว่าระบบเบรกรถยนต์นั้นถ้าเกิดการชำรุดหรือขัดข้องแล้วจะส่งผลเสียหายร้ายแรงอย่างไรบ้างต่อผู้ขับขี่เองและกับทางทรัพย์สิน




  ระบบเบรกโดยทั่วไปถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ

       1.   ดิสก์เบรก จะประกอบไปด้วยชิ้นส่วนพื้นฐาน คือ จานเหล็กหล่อ (จานโรเตอร์) , ผ้าดิสก์เบรก , ก้ามปูและลูกสูบขณะทำงานเมื่อดิสก์เบรกหมุนไปกับล้อไม่มีแผงหรือชิ้นส่วนใดมาปิดทำให้สามารถระบายความร้อนได้ดี ( ที่อุณหภูมิสูงมาก ๆ ประสิทธิภาพการเบรกจะลดลง) พร้อมทั้งช่วยให้เบรกที่เปียกน้ำ แห้งได้อย่างรวดเร็ว  อย่างไรก็ตามขนาดของจานเบรกก็มีข้อจำกัดเนื่องด้วยขนาดของขอบล้อทำให้ขนาดของผ้าดิสก์เบรกมีข้อจำกัดไปด้วย เพื่อชดเชยข้อจำกัดดังกล่าวก็จะต้องป้อนแรงดันน้ำมันเบรกให้มากขึ้นดิสก์เบรกจะสึกเร็วกว่าผ้าเบรกของเบรกดรัมในขณะที่ดิสก์เบรกบำรุงรักษาง่ายกว่า 


ระบบดีสก์เบรก

     2.   ดรัมเบรก ที่มักใช้กันมี 2 แบบคือ "แบบลูกสูบคู่" และ"แบบลูกสูบเดี่ยว" เมื่อเหยียบเบรกคันเบรกจะมีกลไกไปกดที่แม่ปั้มเบรกดันน้ำมันเบรกมาที่กระบอกน้ำมันเบรกน้ำมันเบรกที่แรงดันนี้จะมากระทำกับลูกสูบในกระบอกเบรกให้เคลื่อนที่ไปกดฝักเบรกเพื่อไปกดจานเบรกครัม ทำให้เกิดแรงเสียดทานระหว่างผ้าเบรกของฝักเบรกกับจานเบรก โดยผ้าเบรกจะต้องมีความทนทานต่อความร้อนและการสึกหรอ และต้องมีค่าสัมประสิทธิ์ความฝืดสูงค่าสัมประสิทธิ์นี้ต้องไม่มีอิทธิพลต่อ การขึ้น ๆลง ๆ ของอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ตามปกติผ้าเบรกทำจากโลหะไฟเบอร์ผสมด้วยทองเหลือง ตะกั่วพลาสติก ฯลฯ และขึ้นรูปภายใต้ความร้อน
 


ระบบดรัมเบรก
 

     สาเหตุของเบรกเสีย หรือ อายุสั้น
  • หมดอายุการใช้งาน (เบรกหมด)
  • ขาดการดูแลรักษา (น้ำมันเบรก, การทำความสะอาดเบรก, กระบอกเบรก และลูกยาง)
  • อุปนิสัยของผู้ขับขี่ มีการเหยียบเบรกบ่อยเกินความจำเป็น เบรกกะทันหัน
  • ระบบเบรกขาดการหล่อลื่น
  • น้ำหนักบรรทุกมากเกินไป ทำให้เบรกถูกใช้งานอย่างหนัก
  • ผิวหน้าจานเบรกไม่เรียบ ทำให้เบรกสึกไม่เท่ากัน
  • สภาพภูมิประเทศ ที่เป็นทางลาดชัน ทำให้เบรกถูกใช้งานมากกว่าปกติ
  • สปริงเบรกหรือระบบไฮดรอลิคของแม่ปั๊มเบรกบกพร่อง ทำให้ผิวหน้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกตลอดเวลา
  • ลูกสูบเบรกติดไม่คืนตัว ทำให้เบรกเสียดสีกับจานเบรกตลอดเวลา ทำให้เกิดความร้อนแฝงในน้ำมันเบรก และเกิดสนิมในระบบ
  • สปริงเบรกมือหรือสายเบรกมือเสื่อมสภาพทำให้เบรกเสียดสีกับจาน

     การตรวจระบบเบรก

     • จุดสำคัญในการตรวจเช็คระบบเบรก

     1. น้ำมันเบรก จุดสำคัญที่มักถูกมองข้าม น้ำมันเบรกมีคุณสมบัติดูดความชื้นไว้ได้ทำให้จุดเดือดของน้ำมันเบรกต่ำลง และก่อให้เกิดสนิม
     2. ระบบดิสก์เบรก ล้างทำความสะอาด สลักเลื่อน หัวไล่ลม หล่อลื่นด้วยจาระบีเพื่อป้องกันสนิม และการตายตัวของสลัก ตรวจสอบลูกสูบดิสก์เบรกให้ทำงานเป็นปกติ ตรวจสภาพยางดิสเบรก และยางกันฝุ่นว่าไม่ฉีกขาดหรือเสื่อมสภาพ
     3. ระบบดรัมเบรก ล้างทำความสะอาดส่วนต่าง ๆ ตรวจสภาพยางกันฝุ่นที่ล้อ และกระบอกเบรก ระบบเบรกมือ สายเบรกมือควรได้รับการหล่อลื่นด้วยจาระบี เพื่อให้คล่องตัว
     4. แม่ปั๊มเบรก ควรตรวจสภาพ ทำความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นละออง และสนิม
     • การตรวจระบบเบรก หลังฤดูฝน มีความจำเป็นมาก เนื่องจากหลังการผ่านการลุยน้ำ มักจะพอาการผิดปกติกับระบบเบรกของรถยนต์ ดังนี้

    1. ระบบเบรกฝืด ไม่คล่องตัว เกิดจากความสกปรกของดินโคลนที่ติดกับก้านสลักเลื่อนดิสเบรก และภายในจานเบรก ซึ่งการล้างรถโดยปกติ ไม่สามารถทำได้ทั่วถึง
    2. ชิ้นส่วนเสื่อมเนื่องจากเกิดสนิม เช่น ลูกสูบเบรก แม่ปั๊มเบรก และกระบอกเบรก
    3. เบรกจม เกิดจากความชื้นเข้าไปปะปนกับน้ำมันเบรก ทำให้จุดเดือดของน้ำมันเบรกลดลงจากปกติ เมื่อเกิดความร้อนจากการเบรก น้ำมันเบรกจึงเดือดเป็นฟองได้ง่าย เมื่อฟองเข้าสู่ระบบเบรกจึงเกิดอาการเบรกจม
    4. การเสื่อมสภาพของลูกยางเบรกหรือยางกันฝุ่น เกิดจากการเปลี่ยนสภาพอากาศมีผลให้น้ำมันเบรกรั่วซึม

        ข้อควรระวังและการบำรุงรักษาระบบเบรก
1. ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรก ทุก ๆ 25,000 กิโลเมตร
2. ห้ามนำน้ำมันเบรกที่ถ่ายออกแล้วกลับมาใช้ใหม่
3. ถ้าน้ำมันเบรกหกรถสีให้รีบล้างออกทันที
4. การไล่ลมเบรกต้องแน่ใจว่ามีความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเบรกของรถรุ่นนั้นดี จึงจะสามารถปฏิบัติการไล่ลมได้
5. ห้ามใช้น้ำมันเบรกแทนน้ำมันหล่อลื่น หรือจาระบีโดยเด็ดขาด
6. น้ำมันเบรกที่ทำจากน้ำมันแร่ สามารถใช้กับรถบางยี่ห้อหรือตามที่บริษัทผู้ผลิตรถกำหนดเท่านั้น
7. น้ำมันเบรกที่ผลิตจากสารเคมีชนิดเดียวกัน มีมาตรฐาน SAE หรือ DOT ระดับเดียวกัน สามารถรวมกันได้
8. จาระบีที่ใช้ทาซีลยางในระบบเบรก ต้องทำมาจากน้ำมันพืช (Vegetable Oil) เท่านั้น
9. ห้ามนำน้ำมันเบรกที่มีมาตรฐานและสารที่นำมาผลิตต่างชนิดกันผสมกัน

   ข้อมูลประกอบจาก
   www.b-quik.com
วิเคราะห์รถใหม่
NEW TOYOTA PRIUS เป็นรถยนต์นั้งอเนกประสงค์แบบสมบูรณ์แบบโดย TOYOTA PRIUS นี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยมีพื้นฐานหรือต่อยอดมาจากรถยนต์ TOYOTA WISH แต่ TOYOTA PRIUS ได้เพิ่มการทำงานของระบบขับเคลื่อนมาเป็นแบบ HYBRID เพื่อเน้นทางด้านของการอนุรักษ์และการประหยัดพลังงานเป็นหลักแต่ในส่วนของ อัตราการขับเคลื่อนหรืออัตราการเร่งแซงไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่าง
NEW HONDA BRIO เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปรหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิตมาโดยอาศัยมาตรฐานรถยนต์ " อีโคคาร์ " เป็นเกณฑ์ในการผลิตจึงมั่นใจได้ว่าสามารถลดการใช้พลังงานหรือเผาผลาญได้ อย่างแน่นอนโดยสเปกหรือภาพโดยรวมของตัวรถเนี้ยจะเป็นรถยนต์ที่อยู่ในตระกูล รถยนต์ซิตี้คาร์หรือมี
วิเคราะห์รถยนต์มือสอง
MITSUBISHI STRADA 4WD ปี 2000 Mitsubishi Strada 4WD เป็นรถเเนวออฟโรดที่น่าเล่นอีกรุ่นหนึ่งเเละถือว่าเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมามี รูปร่างหน้าตาที่ดูใช้ได้มีเส้นสายที่ลงตัวโดยมีขุมกำลังแบบ ดีเซลขนาด 2.8 ซีซี ซึ่งถือว่าค่อนข้างแรงในขณะนั้นเเละพาลให้มีอัตราการกินน้ำมันที่พอดูเลยที เดียวที่ประมาณ 10 Km/ลิตร มีน้ำหนักตัวที่หนัก
CHEVROLET AVEO ปี 2007 เชฟโลเลต อาวีโอ่ เป็นรถยนต์นั้งขนาดเล็กเเต่คุณภาพไม่ได้เล็กตามตัวไปดว้ยโดยเป็นรุ่นที่ ถูกออกแบบมาขนาดกระทัดรัด (ไม่เล็กจนเกินไป) คุณภาพของวัสดุถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน โดยมีขุมกำลังขนาดย่อมที่ 1.4 ซีซี เน้นการประหยัดพลังงานเเละมีอัตราการกินน้ำมันที่ประมาณ 14-15 Km/ลิตร
รวมคลิปวิดีโอรถยนต์

ดูบทความเก่าย้อนหลัง