18.2.54

เมื่อพวงมาลัยเริ่มหนักผิดปกติ..จะทำอย่างไร






        โดยปกติรถยนต์ที่เราใช้งานกันนั้นจะมีระบบบังคับเลี้ยวหรือพวงมาลัยแบบมีระบบผ่อนเเรง (ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์) เพื่อช่วยให้สามารถบังคับรถได้อย่างง่ายดายและเบาแรงซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากเราใช้งานไปนานๆหรือรถของเราเริ่มเก่าลงระบบต่างๆเหล่านี้เเน่นอนก็ย่อมจะเริ่มเสื่อมสภาพตามลงเช่นกัน โดยจะเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับระดับการใช้งานของผู้ใช้ด้วยเช่นกันหรือจะเรียกได้ว่าอาจจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้รถด้วยว่ามีพฤติกรรมอย่างไรที่อาจจะส่งผลเสียถึงการทำงานของระบบบังคับเลี้ยวหรือระบบพวงมาลัยได้เช่น การบังคับพวงมาลัยให้เลี้ยวกระทันหันในขณะความเร็วของตัวรถยังสูงอยู่หรือการหักพวงมาลัยแบบสุดวงบังคับเลี้ยวบ่อยๆนั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุให้พวงมาลัยเิกิดอาการสึกหรอหรือเกิดการหลวมหรือคลอนบริเวณข้อต่อหรือคันชักได้เป็นธรรมดาซึ่งการเเก้ไขเบื้องต้นก็คือต้องหมั่นนำรถเข้าตรวจเช็คเป็นประจำเผื่อว่าถ้ามีอาการผิดปกติหรือตรวจพบสาเหตุของปัญหาจะได้หาทางแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้ทันท่วงทีก่อนที่ผู้ใช้งานจะนำรถออกไปขับขี่ตามท้องถนนเป็นปกติ


ระบบบังคับเลี้ยวในรถยนต์หรือจะเรียกว่าระบบพวงมาลัยก็ได้ สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ

1.  ระบบพวงมาลัยแบบไฮดรอลิค (Hydraulic Power Steering)
2.  ระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering)

นั้นการใช้แบบใดนั้นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของรถยนต์แต่ละ่รุ่นที่โรงงานได้ออกแบบมาตั้งแต่แรก โดยที่อาการของพวงมาลัยที่ทำงานหนักผิดปกตินั้นอาจมีสาเหตุมาจาก

1.  เเรงดันลมยางอ่อนกว่าปกติ หรือกรณีเปลี่ยนล้อคู่หน้าใหม่เพื่อเพิ่มความกว้างของหน้ายางให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นซึ่งจะทำให้หน้ายางสัมผัสกับถนนมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม เป็นผลทำให้พวงมาลัยหนักผิดปกติ

2.  ศูนย์ล้อของรถผิดไปจากมาตรฐานของโรงงาน

3.  ท่อทางเดินน้ำมันเพาเวอร์และวาล์วน้ำมัน เกิดอุดตันจากสิ่งสกปรกที่ปะปนมากับน้ำมันอาจทำให้ตัวปั้มเกิดสึกหรอ และอายุการใช้งานสั้นลง

4.  ระดับน้ำมันเพาเวอร์ในกระปุกต่ำกว่าขีดต่ำสุด (Lower Level) ซึ่งอาจเกิดจากการรั่วซึมของน้ำมันเพาเวอร์ ตามชิ้นสว่นต่างๆ เช่น ท่อน้ำมันแรงดันสูง,ท่อน้ำมันแรงดันต่ำ,ปั้มพวงมาลัยเพาเวอร์,แร็คพวงมาลัย,เป็นต้น โดยสังเกตไ้ด้จากรอยน้ำมันที่หยดลงบนพื้นที่จอดหรือให้สังเกตจากเสียงดังขณะเลี้ยวหรือการหมุนพวงมาลัยวึ่งหากเกิดจากน้ำมันเพาเวอร์พร่องเกินขีดที่กำหนดก็มีโอกาสที่จะทำให้อากาศเข้าสู่ระบบไฮดรอลิคในกรณีเช่นนี้ อาจเกิดความเสียหายต่อปั้มพวงมาลัยเพาเวอร์ได้

5.  การใช้น้ำมันเพาเวอร์ผิดประเภท ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้พวงมาลัยหนัก เพราะลักษณะเฉพาะของระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์แตกต่างกันดังนั้นน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ในรถยนต์แต่ละ่รุ่นแต่ละ่ยี่ห้อนั้นจึงไม่เหมือนกันและไม่สามารถใช้ชนิดเดียวกันได้ถึงแม้ข้างกระป๋องจะเขียนว่าเป็นน้ำมันเพาเวอร์เหมือนกัน

6.  ข้อต่ออ่อนบนแกนพวงมาลัยเกิดเสื่อมสภาพหรือเสียหายรวมถึงระบบชว่งล่าง อาจเกิดได้กับรถยนต์ที่ขาดการบำรุงรักษาและไม่ค่อยได้รับการตรวจเช็ค ทำให้พวงมาลัยหนัก พวงมาลัยไม่ตีกลับ

7.  มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ (เฉพาะรุ่นที่เป็นพวงมาลัยไฟฟ้า EPS) หากตรวจสอบพบว่ามีสัญลักษณ์ไฟเตือนพวงมาลัยไฟฟ้า(สีส้ม) ติดสว่างขึ้นบนมาตรวัดในขณะขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังในการควบคุมรถ เนื่องจากพวงมาลัยจะหนักกว่าปกติ
วิเคราะห์รถใหม่
NEW TOYOTA PRIUS เป็นรถยนต์นั้งอเนกประสงค์แบบสมบูรณ์แบบโดย TOYOTA PRIUS นี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยมีพื้นฐานหรือต่อยอดมาจากรถยนต์ TOYOTA WISH แต่ TOYOTA PRIUS ได้เพิ่มการทำงานของระบบขับเคลื่อนมาเป็นแบบ HYBRID เพื่อเน้นทางด้านของการอนุรักษ์และการประหยัดพลังงานเป็นหลักแต่ในส่วนของ อัตราการขับเคลื่อนหรืออัตราการเร่งแซงไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่าง
NEW HONDA BRIO เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปรหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรถยนต์ที่ผลิตมาโดยอาศัยมาตรฐานรถยนต์ " อีโคคาร์ " เป็นเกณฑ์ในการผลิตจึงมั่นใจได้ว่าสามารถลดการใช้พลังงานหรือเผาผลาญได้ อย่างแน่นอนโดยสเปกหรือภาพโดยรวมของตัวรถเนี้ยจะเป็นรถยนต์ที่อยู่ในตระกูล รถยนต์ซิตี้คาร์หรือมี
วิเคราะห์รถยนต์มือสอง
MITSUBISHI STRADA 4WD ปี 2000 Mitsubishi Strada 4WD เป็นรถเเนวออฟโรดที่น่าเล่นอีกรุ่นหนึ่งเเละถือว่าเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมามี รูปร่างหน้าตาที่ดูใช้ได้มีเส้นสายที่ลงตัวโดยมีขุมกำลังแบบ ดีเซลขนาด 2.8 ซีซี ซึ่งถือว่าค่อนข้างแรงในขณะนั้นเเละพาลให้มีอัตราการกินน้ำมันที่พอดูเลยที เดียวที่ประมาณ 10 Km/ลิตร มีน้ำหนักตัวที่หนัก
CHEVROLET AVEO ปี 2007 เชฟโลเลต อาวีโอ่ เป็นรถยนต์นั้งขนาดเล็กเเต่คุณภาพไม่ได้เล็กตามตัวไปดว้ยโดยเป็นรุ่นที่ ถูกออกแบบมาขนาดกระทัดรัด (ไม่เล็กจนเกินไป) คุณภาพของวัสดุถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน โดยมีขุมกำลังขนาดย่อมที่ 1.4 ซีซี เน้นการประหยัดพลังงานเเละมีอัตราการกินน้ำมันที่ประมาณ 14-15 Km/ลิตร
รวมคลิปวิดีโอรถยนต์

ดูบทความเก่าย้อนหลัง