หลายท่านอาจมีประสบการณ์ในการนำรถเข้าซ่อมสี เเละเมื่อซ่อมแล้วก็อยากรู้ว่าสีที่ซ่อมใหม่จะเป็นอย่างไรโดยเฉพาะสีเมทัลลิก (สีทีมีเม็ดบรอนซ์ผสม) ควรได้รับการดูแลด้วยทีมช่างทีมีความชำนาญและใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ฉะนั้นภายหลังการนำรถเข้าซ่อมสี ควรทำการตรวจเช็คสีรถทั้งในร่มและกลางแจ้งดว้ยขั้นตอนดังนี้
1. ยืนห่างจากชิ้นงานทีมีการซ่อมสีดว้ยระยะห่างประมาณ 2 เมตร เพื่อให้มองเห็นทั่วทั้งชิ้นงาน
2. ใช้สายตาตรวจสอบสีโดยทำมุม 45 องศาจากชิ้นงานที่อยู่ติดกันเพื่อตรวจสอบความเหมือนของสี
3. ใช้สายตาตรวจสอบสีดดยทำมุม 90 องศาจากชิ้นงานที่อยู่ติดกันเพื่อตรวจสอบความเหมือนของสี
4. สีทีพ่นใหม่ควรมีความใกล้เคียงกับสีเดิมถึงจะนับว่าเป็นงานซ่อมสีที่ดีแต่ถ้าสีที่ซ่อมใหม่แตกต่างจากสีเดิมมากจนเห็นได้ชัด นั้นแสดงว่าการผสมสีเเละการพ่นของช่างซ่อมสียังไม่ดีเท่าที่ควรจึงควรนำเข้าแก้ไขสีใหม่อีกครั้ง
ในส่วนอื่นนอกเหนือจากการตรวจเช็คสีรถหลังจากการนำรถเข้าทำการซ่อมสีนั้น ยังมีวิธีการตรวจเช็คหรืือแก้ไขสีรถในกรณีต่างๆ
1. รถสีด้าน อาจเกิดจากการที่รถตากเเดดไว้บ่อยๆหรือใช้งานมาเป็นเวลานานโดยขาดการดูแลรักษา วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขรถสีด้านคือ ควรจะนำรถเข้าทำสีใหม่เพื่อให้สีมีความคงทนแต่ถ้าไม่ต้องการทำสีใหม่ให้ใช้ยาขัดสีขัดพื้นผิวบริเวณนั้นโดยต้องเลือกใช้ยาขัดสีให้ถูกกับประเภทงาน การใช้ยาขัดสีจะช่วยได้เพียงแค่การชลอการเสื่อมสภาพของสีเท่านั้นไม่สามารถทำให้ผิวสีกลับสู่สภาพเดิมได้นอกจากนี้การล้างรถก็มีสว่นทำให้รถสีด้านด้วยเช่นกันจึงไม่ควรล้างรถในช่วงที่เพิ่งใช้งานเสร็จขณะที่พื้นผิวของรถยังร้อนอยู่
2. คราบสติกเกอร์บนสีรถ รอยคราบที่เกิดจากการลอกสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนผิวสีรถนั้นจะมีวิธีการแก้ไขคือ ใช้ยาขัดสีรถแบบละเอียดขัดบริเวณที่เป็นคราบก่อนแล้วใช้แว็กซ์อ่อนขัดตามอีกครั้ง ถ้าสีบริเวณที่ลอกสติกเกอร์ออกนั้นแตกต่างกับผิวสีเดิมมากให้ใช้กระดาาทรายเบอร์ 1200 ขัดบริเวณพื้นผิวนั้นก่อนเเละขัดดว้ยยาขัดละเอียดเเล้วลงแว๊กซ์อีกครั้ง
3. หมั่นดูแลรัษาสีรถ ตรงจุดนี้น่าจะเป็นจุดสำคัญหรือประเด็นสำคัญที่สุดในการช่วยยืดอายุของสีรถให้อยู่คู่กับอายุของตัวรถได้อย่างยาวนานโดยการหมั่นล้างสีรถเป็นประจำหลังจากล้างและทำความสะอาดสีรถเเล้วก็ควรจะทำการเคลือบสีรถทันทีเพื่อเคลือบบริเวณชั้นผิวของสีรถให้มี่หรือทำให้เกิดชั้น Film เกิดขึ้นเพื่อมาคอยปกป้องชั้นของสีรถไม่ให้เกิดริ้วรอยหรือเกิดรอยด่างดำและถ้าเราหมั่นดูแลรักษาสีรถอย่างเป็นประจำเเล้วหละ่ก็จะทำให้เกิดชั้น Film บางๆเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้นและชั้น Film บางๆที่เพิ่มสูงขึ้นนี้จะยิ่งช่วยให้เกิดการปกป้องผิวสีรถที่มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดมากยิ่งขึ้น
www.honda.co.th
ในส่วนอื่นนอกเหนือจากการตรวจเช็คสีรถหลังจากการนำรถเข้าทำการซ่อมสีนั้น ยังมีวิธีการตรวจเช็คหรืือแก้ไขสีรถในกรณีต่างๆ
1. รถสีด้าน อาจเกิดจากการที่รถตากเเดดไว้บ่อยๆหรือใช้งานมาเป็นเวลานานโดยขาดการดูแลรักษา วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขรถสีด้านคือ ควรจะนำรถเข้าทำสีใหม่เพื่อให้สีมีความคงทนแต่ถ้าไม่ต้องการทำสีใหม่ให้ใช้ยาขัดสีขัดพื้นผิวบริเวณนั้นโดยต้องเลือกใช้ยาขัดสีให้ถูกกับประเภทงาน การใช้ยาขัดสีจะช่วยได้เพียงแค่การชลอการเสื่อมสภาพของสีเท่านั้นไม่สามารถทำให้ผิวสีกลับสู่สภาพเดิมได้นอกจากนี้การล้างรถก็มีสว่นทำให้รถสีด้านด้วยเช่นกันจึงไม่ควรล้างรถในช่วงที่เพิ่งใช้งานเสร็จขณะที่พื้นผิวของรถยังร้อนอยู่
2. คราบสติกเกอร์บนสีรถ รอยคราบที่เกิดจากการลอกสติกเกอร์ที่ติดอยู่บนผิวสีรถนั้นจะมีวิธีการแก้ไขคือ ใช้ยาขัดสีรถแบบละเอียดขัดบริเวณที่เป็นคราบก่อนแล้วใช้แว็กซ์อ่อนขัดตามอีกครั้ง ถ้าสีบริเวณที่ลอกสติกเกอร์ออกนั้นแตกต่างกับผิวสีเดิมมากให้ใช้กระดาาทรายเบอร์ 1200 ขัดบริเวณพื้นผิวนั้นก่อนเเละขัดดว้ยยาขัดละเอียดเเล้วลงแว๊กซ์อีกครั้ง
3. หมั่นดูแลรัษาสีรถ ตรงจุดนี้น่าจะเป็นจุดสำคัญหรือประเด็นสำคัญที่สุดในการช่วยยืดอายุของสีรถให้อยู่คู่กับอายุของตัวรถได้อย่างยาวนานโดยการหมั่นล้างสีรถเป็นประจำหลังจากล้างและทำความสะอาดสีรถเเล้วก็ควรจะทำการเคลือบสีรถทันทีเพื่อเคลือบบริเวณชั้นผิวของสีรถให้มี่หรือทำให้เกิดชั้น Film เกิดขึ้นเพื่อมาคอยปกป้องชั้นของสีรถไม่ให้เกิดริ้วรอยหรือเกิดรอยด่างดำและถ้าเราหมั่นดูแลรักษาสีรถอย่างเป็นประจำเเล้วหละ่ก็จะทำให้เกิดชั้น Film บางๆเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้นและชั้น Film บางๆที่เพิ่มสูงขึ้นนี้จะยิ่งช่วยให้เกิดการปกป้องผิวสีรถที่มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดมากยิ่งขึ้น
ข้อมูลประกอบจาก
www.honda.co.th